วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มา "โค้ช" กันเถอะ

Coaching Process
จะทำให้เราเข้าใจตัวตนของเรามากขึ้น
จะเป็นบทพิสูจน์ว่า "ชีวิตเรา เราเลือกเอง"
...
 
ลองเดินตามไปทีละขั้นตอน ตามภาพ
พร้อมหรือยัง ???
111
222
333
444
Go Go Go
...

เพื่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ยั่งยืน
 
 
 

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าจากหนังสือ ... คุณก็ทำได้ YOU CAN DO IT!


โปรดจำไว้ว่า  คุณคือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งผู้บังคับการชีวิตคุณ

หนังสือเล่มนี้ เป็นที่มาแห่งมิตรภาพ ที่ โค้ชปกรณ์ วงศ์รัตนพิบูลย์ มอบให้ ตอนที่เชิญท่านมาเป็นวิทยากรบรรยายด้วยแนวการสอนแบบ Training & Group Coaching  และหนังสือเล่มนี้ เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของดิฉัน ที่ผละจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน แล้วสู่การเป็นเจ้านายตัวเอง

          พอล ฮันน่า ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้  เป็นนักพูดและนักสร้างแรงจูงใจชื่อดังของออสเตรเลีย  เป็นผู้ที่ปฏิวัติตนเองแล้วสร้างตัวเองจากสองมือเปล่า สร้างความสำเร็จให้ตนเองด้วยทัศนคติที่ว่า เราเท่านั้นคือผู้รับผิดชอบต่ออนาคตและความสำเร็จของตน!

เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้ จะปลุกพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเราให้ตื่นขึ้นมา เป็นการบอกเล่าประสบการณ์จริงของผู้ที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่ไม่ละทิ้งความมุ่งมั่นในเป้าหมาย มีมานะอุตสาหะ มีความนับถือตนเอง และมีความคิดที่เป็นบวก สุดท้ายเขาเหล่านั้นก็ขึ้นทำเนียบคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างที่เขาต้องการ รวมถึงในหนังสือจะแทรก บทกวี วลีสั้น ๆ คำคม ที่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ตามหาความสำเร็จ
 

บทเรียนจากหนังสือเล่มนี้
v วิธีตั้งเป้าหมายและแน่วแน่กับเป้าหมาย
ด้วยการเขียนเป้าหมายลงในกระดาษ พร้อมกำหนดเส้นตาย ระบุให้เฉพาะเจาะจงถึงสิ่งที่ต้องการ มีสมาธิ จดจ่อ มุ่งมั่น รับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับสิ่งที่กำหนด
      “เป้าหมายเปรียบได้กับภาพตัวอย่างจากกล่องแห่งชีวิต”

v วิธีเพิ่มความมั่นใจในตนเอง
ด้วยการกำหนดภาพพจน์ที่เรามองตนเอง ความคิดเห็นที่เรามีต่อตัวเอง การนับถือตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเอง และการให้กำลังใจตนเองด้วยคำพูดแห่งความสำเร็จ
      “ฉันคือผู้ควบคุมชีวิตฉันเอง”

v วิธีเป็นผู้ชนะที่กอบกู้ตนเองจากความพ่ายแพ้
ด้วยการอย่าเน้นที่อุปสรรคให้แน่วแน่กับเป้าหมาย เปลี่ยนความท้อถอยเป็นความสำเร็จ เผชิญความกลัวอย่างเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อ สลัดความกลัวไม่ให้มันควบคุมเรา และสำคัญที่สุดคือจงเชื่อมั่นในตัวเราเอง และเชื่อมั่นในศักยภาพในตัวเอง
      “จงพักเถิด หากคุณต้องพัก แต่อย่ายอมแพ้”


v วิธีดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
ด้วยการมีทัศนคติเป็นบวกว่าเรามีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเอง การใช้คำพูดที่เป็นบวกเริ่มจากตัวเองและส่งไปยังคนรอบข้าง สร้างความโชคดีให้แก่ตนเอง มองเห็นความยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตัวคนอื่น  และพร้อมเป็นผู้ให้ด้วยเจตนาบริสุทธิ์
      “โอกาสดี ๆ มักจะเข้าหาจิตใจที่เตรียมพร้อมเสมอ”


 
จากเล่มนี้ ยังมีอีกหลากหลายมุมที่เราสามารถหยิบมาโค้ชตัวเอง ลองหามาอ่านดูนะคะ สิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้หยิบมาโค้ชตัวเอง จากคำกล่าวที่ว่า

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใด เมื่อเขาทำได้ คนอื่น ๆ ก็ทำได้
แล้วทำไมตัวคุณเอง จะทำไม่ได้!!
 
 
 

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าจากหนังสือ “โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร” ตอน 2


ผมเป็นแค่ผู้ชายบ้านนอกธรรมดาๆ ที่รู้จักหัวใจตนเอง
และออกเดินหน้าตามหา “ความฝัน” อย่างไม่ลดละ

 เพื่อให้เข้ากับช่วงฤดูกาลกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2014  และผู้ที่สั่นสะเทือน
กีฬาวอลเลย์บอลหญิงของทีมไทย  ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ของหัวหน้าทีมฝึก
ในนาม “โค้ชอ๊อต หรือ เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร”  เลยเลือกหยิบหนังสือเล่มนี้มาเล่า

เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้  ได้ดำเนินเนื้อหาในเล่ม  ที่กล่าวถึงประวัติโดยย่อของโค๊ชอ๊อต  การสร้างทีมวอลเลย์บอลหญิงในชุด Dream Team และเกร็ดความรู้
สั้น ๆ เกี่ยวกับการสร้างภาวะผู้นำในชื่อ 
Leader, TIPS

หนังสือเล่มนี้ ทำให้ได้สัมผัสถึงวิธีคิด ทัศนคติในการสร้างทีม  ตลอดจนความมุ่งมั่นศรัทธาและความรักที่มีต่อวอลเลย์บอล  ตลอดจนเห็นถึงวิธีการก้าวไปสู่เป้าหมาย  วิธีการนำทีม  และวิธีการสร้างทีม

บทเรียนจากหนังสือเล่มนี้
วิธีการก้าวไปสู่เป้าหมาย
v เริ่มต้นจาก “ความฝัน”  และ “ความรัก”
“ความฝันเหมือนเป็นเข็มทิศของชีวิต” ความฝันทำให้เรามุ่งมั่นที่จะไป ต้องทำ
ให้ได้ แต่ฝันอย่างเดียวไม่พอ ต้องมี “ความรัก” ร่วมด้วย  เพราะเมื่อรักแล้ว
เราจะสนใจสิ่งนั้น ๆ มากขึ้น ซึ่งมันจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เราขยับเข้าไปใกล้
สิ่งที่ฝันไว้

v ต่อด้วย “ความมุ่งมั่น”
เมื่อเรามุ่งมั่น ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดตามแผนที่วางไว้ สิ่งที่ยากก็อาจเป็นจริงได้ในไม่ช้า  อีกทั้งต้องมี ความมานะพยายาม ความเพียร ที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มาพัฒนาตัวเอง ให้สามารถก้าวไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

v ปิดท้ายด้วย “มองความสำเร็จในวันนี้”
ต้องมองให้เห็นถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพราะมันมีคุณค่ามากสำหรับเรา มันเป็น การลงทุนด้วยความตั้งใจ และมันจะสะท้อนให้เห็นถึง ความมานะพยายาม ความมุ่งมั่น ที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย  ในท้ายที่สุด “ความสำเร็จ คือ ความภาคภูมิใจ”   ที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต


วิธีการนำทีม  ด้วย A. C. E. “
v Active
ผู้นำต้องมีความกระตือรือร้น กระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ กระตือรือร้นในการเป็นแบบอย่างที่ดี
v Create
ผู้นำต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน ต้องคิดเรื่อยๆ คิดสม่ำเสมอว่าจะทำอย่างไรให้การทำงานประสบความสำเร็จ  คิดที่จะทำงานให้ราบรื่น คิดทำให้ทีมงานเก่ง และเสริมด้วยกระบวนการคิดนอกกรอบ

v Exciting
ผู้นำต้องมีความตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตูม  เป็นการตื่นตัวในการทำงาน มีความพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์  แต่ไม่ใช่เป็นการตื่นเต้น หวาดวิตกจนทำอะไรไม่ถูก


วิธีการสร้างทีม
v ให้ลูกทีมเกิดความรัก
เมื่อมี “ความรัก” จะมีความสุขที่ได้ทำและไม่ยากที่จะขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม ที่สำคัญคือมันทำให้รู้สึกว่า “อยากทำ” ไม่ใช่ “ต้องทำ”
แม้จะเหนื่อยจะท้อ ก็จะมีแรงฮึดสู้ขึ้นมา เพื่อทำในสิ่งที่เรารัก
v ให้ลูกทีมทำงานอย่างถูกวิธี
งานแต่ละงานจะประกอบด้วยทักษะ เทคนิคและแท็กติก ที่ต่างกันออกไป
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปูพื้นฐานให้แน่น ให้ลูกงานต้องเริ่มลงมือทำจากสิ่งง่าย ๆ ไปสู่สิ่งที่ยาก ให้ลูกทีมมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในขั้นตอน วิธีการอย่างถูกวิธี

v ต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตลูกทีมให้สูงสุด
ฐานะผู้นำทีมต้องมีจิตวิญญาณความเป็นผู้นำ แสวงหาปัจจัยต่าง ๆ เพื่อมาสนับสนุนการทำงานของลูกทีมให้สัมฤทธิ์ผลได้มากที่สุด หาหนทางอุดรอยรั่วที่อาจจะเกิดขึ้น และสำคัญที่สุด ต้องให้การเสริมแรงที่เข้ากับจริตแก่ลูกทีม เพราะมันที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกทีมไปสู่ปลายทางตามที่มุ่งหวัง


จากเรื่องเล่าของหนังสือเล่มนี้  ลองหามาอ่านดูนะคะ  เชื่อว่า ท่านจะได้แนวคิดที่นำมาพัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง แรงบันดาลใจที่พาเราไปสู่เป้าหมาย  ตลอดจนเทคนิควิธีการนำทีม เทคนิคการสร้างทีม เพื่อให้ประสบความสำเร็จ

“อย่าจัดการเวลา ... ให้จัดการชีวิต”


นิยามของเวลาในแต่ละบุคคลย่อมไม่เหมือนกัน ต่างกันตามการรับรู้ และประสบการณ์ของแต่ละบุคคล  ซึ่งสิ่งที่เป็นจริงแน่ๆ ก็คือ เวลาคือสิ่งที่เรารู้กันว่ามีอยู่จริง ทว่าจับต้องไม่ได้ แต่เวลากลับสามารถควบคุมชีวิตเราได้ ด้วยการมีอยู่อย่างจำกัด  หากเราเปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบ ฆ่าเวลา ให้เป็น (รู้)ค่าเวลา แล้ว เราจะเรียนรู้ว่า เวลาที่คิดว่ามีน้อยไปหรือมากไปนั้น ไม่สามารถตีกรอบจำกัดให้ชีวิตได้   ดังนั้น คำว่า บริหารเวลา จริงๆ แล้วก็  “ไม่ได้บริหารที่ตัวเวลา แต่เป็นการบริหารเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตของเราในห้วงเวลานั้นๆ”

การบริหารเวลา จะสะท้อนเรื่องการมีวินัยของตัวเอง เพราะทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงที่เท่ากัน แต่ใครสามารถที่จะใช้เวลาที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิผลมากกว่ากัน  ดังนั้น การให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารเวลาต้องให้ความสำคัญในเรื่องการดำเนินชีวิตของตัวเองด้วย  นั้นย่อมแสดงว่า  การจัดการเวลาก็คือการจัดการชีวิต   “ผู้ที่จัดการชีวิตเป็น ... คือผู้ที่จัดการเวลาเป็น”

คนที่จัดการชีวิตตนเองได้ดี จะทำดังนี้….
                    J วางเป้าหมายในชีวิตไปข้างหน้า
                    J เน้นย้ำคุณค่าเป้าหมายนั้น
                    J ใช้ศักยภาพตัวเองถึงขีดสุด
                    J เพิ่มความสุขให้ตัวเอง
                    J ฝึกสอนผู้อื่น
                    J เพิ่มคุณค่าในชีวิตผู้อื่น

จาก 6 ประเด็นข้างต้น เราจะลงรายละเอียดกันในแต่ละประเด็น ในตอนหน้าเราจะมา วางเป้าหมายในชีวิติไปข้างหน้า  เพราะเป้าหมายมันเป็นเข็มทิศแห่งชีวิต และเป็นเครื่องมือนำทางในการบริหารเวลา  เรามาพบกันต่อในตอนต่อไปนะคะ
 

 

“ถ้าคุณรักชีวิต อย่าใช้เวลาฟุ่มเฟื่อย  เพราะว่าชีวิตประกอบด้วยเวลา”

(เบนจามิน แฟรงคลิน)